OEE เครื่องมือรักษาและพัฒนามาตรฐานการผลิต
ประสิทธิภาพและมาตรฐานเป็นสิ่งที่สำคัญมากต่ออุตสาหกรรมการผลิต เนื่องจากในสายการผลิตนั้น กระบวนการผลิตมีองค์ประกอบและปัจจัยหลายอย่างที่ประกอบกันอยู่ การควบคุม พัฒนาให้อุตสาหกรรมการผลิตได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพอยู่เสมอขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการประกอบกัน ตัวหลักที่สำคัญก็คือเครื่องจักร เครื่องจักรที่ดีไม่ใช่เพียงสามารถขับเคลื่อนกลไกการทำงานได้เมื่อเปิดสวิตช์เท่านั้น แต่จะต้องทำงานได้เต็มกำลังของเครื่องและผลงานออกมาได้มาตรฐานมีประสิทธิภาพด้วย
ความสำคัญของ OEE ต่ออุตสาหกรรมการผลิต
การควบคุมและตรวจสอบประสิทธิภาพในการผลิตต้องอาศัยเครื่องมือที่นำมาวัดประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร หรือที่เรียกว่า OEE ดังนั้น ความสำคัญของ OEE ต่ออุตสาหกรรมการผลิตคือ ช่วยวัดมาตรฐานของเครื่องจักรในการผลิตทำให้เกิดการพัฒนาในสายงานการผลิตต่อไป
OEE คือ
OEE ย่อมาจาก Overall Equipment Effectiveness หรือ การวัดประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร OEE มีความสำคัญ คือเป็นเครื่องมือใช้วัดประสิทธิผลของเครื่องจักร รวมถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นในภาพรวมต่อการผลิต และยังสามารถช่วยให้เกิดการวิเคราะห์ถึงสาเหตุ แนวทางแก้ไข การพัฒนาในจุดอื่นที่เกี่ยวข้องได้เป็นอย่างดีด้วย
สูตรคำนวณ OEE
การคำนวน OEE จะใช้สูตรการคำนวณ คือ
อัตราการเดินเครื่อง(Availability) X ประสิทธิภาพการเดินเครื่อง Performance Efficiency X อัตราคุณภาพ (Quality Rate)
ตัวอย่างการคำนวนค่า OEE
ยกตัวอย่างในการคำนวนค่า OEE ให้เห็นภาพชัด ๆ เช่น หาก อัตราการเดินเครื่องเป็น 87 % ประสิทธิภาพการเดินเครื่อง 90% อัตราคุณภาพ 95% = 0.87 x 0.90 x 0.95 x 100 = 74.385% ดังนั้นเราจะได้ค่า OEE เป็น 74% โดยประมาณนั่นเอง

หลักเกณฑ์และมาตรฐานของ OEE
ค่า OEE ที่ได้จะถึงเกณฑ์ที่ทางโรงงานได้ตั้งเป้าหมายมาตรฐานไว้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตั้งเป้าของแต่ละโรงงาน แต่หากค่า OEE ต่ำกว่าเป้าหมายนั่นหมายถึงจำเป็นจะต้องดูว่ามีจุดใดต้องแก้ไขพัฒนาให้ดีขึ้นในอนาคต
การปรับปรุงค่า OEE
การปรับปรุงค่า OEE จะทำโดยดูที่ค่า OEE ตัวที่ต่ำที่สุดและนำไปปรับปรุงก่อนเป็นหลัก ในที่นี้คืออัตราของการเดินเครื่อง ปัญหาของอัตราการเดินเครื่องคืออะไรและมีแนวทางแก้ไขได้อย่างไรเป็นการแก้ไขที่ต้องทำ หรืออาจจะปรับปรุงทุกตัวที่ยังไม่ถึงมาตรฐานที่ต้องการก็ย่อมได้
เห็นได้ว่าข้อมูลเกี่ยวกับการผลิตของเครื่องจักรคือปัจจัยหลักที่สำคัญที่จะทำให้เราคำนวนค่า OEE ได้ แต่หลายครั้งมาตรฐานในการจดบันทึกโดยบุคคลก็ไม่สามารถรับรองได้ว่าจะแม่นยำและละเอียดพอ เช่น โรงงานบางแห่งจะจดบันทึกเมื่อเกิดเครื่องเสียที่เวลาไม่ต่ำกว่า 30 นาที เมื่อเครื่องเสียเป็นเวลา 20 นาที 25 นาที ก็จะไม่ถูกบันทึกลงไป ทำให้ขาดหายข้อมูลในส่วนนี้ซึ่งนำไปประกอบการวิเคราะห์ได้ในภายหลัง
แต่ค่า OEE นั้นจะแม่นยำหรือไม่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ข้อมูลที่จะนำมาวัดเพื่อคำนวณ OEE จะต้องแม่นยำนอกจากการจดบันทึกของพนักงานแล้วยังมีเครื่องมืออีกอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้ค่า OEE แม่นยำขึ้นก็คือ การประยุกต์ใช้ข้อมูลในสายบรรจุภัณฑ์

การประยุกต์ใช้ข้อมูลในสายบรรจุภัณฑ์
สำหรับการประยุกต์ใช้ข้อมูลในสายบรรจุภัณฑ์ สามารถยกตัวอย่างได้ เช่น การใช้เครื่องพิมพ์วันที่บันทึกที่พิมพ์ลงตัวบรรจุภัณฑ์โดยตรง เครื่องมือนี้จะเป็นตัวบ่งบอกและเก็บเป็นข้อมูลที่ชัดเจนนำไปคำนวน OEE ได้แม่นยำ ในหลายกรณีการตรวจสอบจากข้อมูลที่ตัวบรรจุภัณฑ์จะให้ข้อมูลแม่นยำมากกว่าการให้พนักงานจดบันทึกอีกด้วย การนำเทคโนโลยีเครื่องพิมพ์วันที่และเครื่องบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยในการเก็บบันทึกข้อมูลการผลิตของเครื่องจักรมาใช้นับเป็นอีกปัจจัยเกื้อหนุนให้เกิดความแม่นยำในการคำนวณ OEE ได้ดีเยี่ยม
OEE จึงเป็นคำตอบของการรักษามาตรฐานการผลิต ด้วยการนำ OEE มาใช้เป็นเครื่องมือวัดมาตรฐานเครื่องจักร และการนำสายการบรรจุภัณฑ์มาประยุกต์ใช้เป็นตัวช่วยอีกทางให้ OEE มีค่าที่แม่นยำขึ้นได้